อนาคตของแบรนด์ NETA ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยยังมีโอกาสและทิศทางการเติบโตมั้ย?

อนาคตของแบรนด์ NETA ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย: โอกาสและทิศทางการเติบโต

แบรนด์ NETA ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 และได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2565 ภายใต้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้1 2 ปัจจุบัน NETA มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายในไทย 3 รุ่นหลัก ได้แก่ NETA U, NETA V และ NETA S โดยรุ่นที่เปิดตัวและได้รับความสนใจมากคือ NETA V ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ City Car ราคาประหยัดเริ่มต้นที่ 549,000 บาท หลังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ3 4

จุดแข็งและโอกาสของ NETA ในตลาดไทย

การผลิตในประเทศไทย
NETA ได้เริ่มสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยรุ่นแรกที่ผลิตในไทยคือ NETA V-II ซึ่งเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป โรงงานแห่งนี้ถือเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศจีนและยังเป็นโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในเขตนิคมอุตสาหกรรมกรุงเทพฯ อีกด้วย5 การผลิตในประเทศช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบ รวมถึงสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
พันธมิตรและระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า
NETA ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เช่น กลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Huawei, CATL (ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่) และ Horizon Robotics เพื่อพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทย2 4
กลยุทธ์การตลาดและการขยายช่องทางจำหน่าย
NETA มีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีศูนย์จำหน่าย 24 แห่งทั่วประเทศและตั้งเป้าขยายเป็น 30 แห่งภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปิด NETA SPACE ในศูนย์การค้าเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดี2
การสนับสนุนจากภาครัฐและมาตรการส่งเสริม EV
มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เช่น การลดภาษีและมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้ NETA สามารถตั้งราคาขายที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและกระตุ้นความต้องการของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ NETA เติบโตอย่างรวดเร็ว3 5

ทิศทางอนาคตของ NETA หากยังต้องการอยู่ต่อและเติบโตในตลาดไทย

พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและตอบโจทย์ตลาดไทย
NETA วางแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งและ SUV เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคไทย2 การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและต่างจังหวัดจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
เสริมสร้างระบบบริการหลังการขายและประสบการณ์ลูกค้า
การให้บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ เช่น การจัดเตรียมอะไหล่สำรอง การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง จะช่วยสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า ส่งผลให้เกิดการบอกต่อและความภักดีต่อแบรนด์2
ขยายฐานการผลิตและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน
การใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อตอบสนองตลาดอาเซียน จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของ NETA ในระดับภูมิภาค และลดต้นทุนโลจิสติกส์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่เข้มแข็งในตลาดต่างประเทศ4 5
สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน
การร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและกลุ่มพลังงานในประเทศ จะช่วยให้ NETA สามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมีระบบสนับสนุนที่ครบวงจร เช่น ระบบชาร์จไฟฟ้าที่สะดวกและครอบคลุม2 4

สรุป
อนาคตของแบรนด์ NETA ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยยังมีโอกาสเติบโตสูง หากสามารถรักษาความต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดไทย ขยายช่องทางจำหน่ายและบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ รวมถึงใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออกสู่ตลาดอาเซียน พร้อมกับสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ NETA ยืนหยัดและเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยได้อย่างยั่งยืนและเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์และสื่อโซเชียลอย่างแน่นอน1 2 4 5