เผยคำถามเดือด!ค่ายจีนมีโอกาสที่จะล้มละลายหรือเจ้งหรือไม่?
ค่ายรถยนต์จีน มีโอกาสที่จะล้มและขายไม่ได้ได้ไหม คุณคิดเห็นอย่างไรกับค่ายรถยนต์จีน
หลายๆคนก็อาจจะเห็นด้วยกับคำถามดังกล่าวว่าค่ายรถยนต์จีนมีอากาสที่จะเจ๊งหรือว่าล้มละลาย
ได้ไหมและหลายๆคนก็อาจจะไม่เห็นด้วยที่ค่ายรถยนต์จีนที่จะล้มในธุรกิจ อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์
เรามาดูข้อมูลความเป็นไปได้กันนะครับทุกท่านว่าค่ายจีนมีโอกาสที่จะล้มละลายหรือว่าขาดทุนจนไม่
สามารถดำเนินธุรกิจได้ได้หรือไม่?...ก็ต้องขยายความว่าอย่างนี้นะครับจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ก็คือ
1. กลุ่มที่ค่อนข้างมีเงินทุนและมีแบรนด์ติดตลาดเป็นของตัวเองมาก่อน ก่อนที่จะมาต่อยอดทำธุรกิจ
เป็นผู้ผลิตยานยนต์
2.กลุ่มที่ค่อนข้างไม่มีเงินทุนสักเท่าไหร่เป็นแบรนด์เกิดใหม่และไม่มีแบรนด์ที่ติด
ตลาดเป็นของตัวเองมาก่อน.
ถ้าพูดถึงกลุ่มที่ไม่ค่อยมีเงินทุนและไม่ได้มีแบรนด์สินค้าที่ติดตลาดเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่น
คงมาก่อนก็อาจจะมีความเป็นไปได้นะครับว่าค่ายรถยนต์จีนมีโอกาสที่จะล้มและไม่สามารถดำเนินธุรกิจ
ต่อไปได้ในที่สุด
แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าพูดถึงค่ารถยนต์ที่เป็นกลุ่มที่มีเงินทุนค่อนข้างเยอะและมีแบรนด์ติดตลาดเป็น
ของตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้วก็ต้องบอกว่าเป็นทิศทางที่ค่อนข้างจะเกิดขึ้นได้ยากนะปัจจุบันนี้ปี 2025 พี่
เรียกได้ว่ามีโซเชียลและเทคโนโลยีรวมถึงสินเชื่อการกู้ยืมที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายกว่าสมัยก่อนพูดง่ายๆ
คือแน่นทั้งเงินทุนเทคโนโลยีและ Social Media
เรามาเริ่มที่ค่ายแรกนะครับทุกท่านกับค่าย SAIC Motor ที่มีประวัติก่อตั้งบริษัทอันยาวนานและเชี่ยวชาญ
ทางด้านการผลิตเครื่องยนต์ยานยนต์รวมถึงอะไหล่ทุกชนิดเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกขนาด
ใหญ่รถ 6 ล้อรถลากจูงรถเก๋งรถซีดานรถ SUV เรียกได้ว่าบริษัทเอสเอไอซีมอเตอร์เป็นบริษัทแม่ที่มีเครือ
ข่ายแบรนด์ลูกจำนวนมากไม่น้อยเลยทีเดียวทำให้มีความมั่นคงทางด้านการเงินค่อนข้างสูง Saic ร่วมทุน
กับ Volkswagen และ GM General Motorเป็นค่ายที่ใหญ่สุดในจีนในเชิงการผลิตรวมถึงเป็นบริษัทผู้
ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของจีนโดยมีแบรนด์โลกคือMaxus, MG, Wuling
SAIC Motorมีฐานการเงินที่ดีและมีพันธมิตรแข็งแกร่งและคุณภาพ.
2.ค่าย GEELY ค่ายแม่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเช่นกัน
ค่าย GEELYเป็นเจ้าของแบรนด์ ZEEKR VOLVO และ Lynk & Co Brand รถยนต์หรือระดับโลกของ
ยุโรป
GEELY มีพันธมิตรหลากหลายแบรนด์อยู่ในองค์กรจำนวนมาก และมีแบรนด์ลูกระดับพรีเมี่ยมซุปเปอร์คาร์
อยู่ใน
เครือ
อย่างเช่นLotus Polestarและ Volvo และมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในเครืออีกคือ Geometry, Radar, Zeekrพร้อม
วางแผนโครงการเข้าตลาดโลกกับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม SEA
ค่าย GEELY มีความชาญฉลาดในการกระจายความเสี่ยงออกไปให้ครอบคลุมคล้ายคลึงกันกับแบรนด์
ระดับโลกอย่าง Toyota ที่มีพันธมิตรที่เข้มแข็งและเก๋าเกมส์ด้วยเช่นกัน
3.ค่าย CHERY มีทักษะในการวางแผนเกมธุรกิจที่ครอบคลุมทำให้มีพันธมิตรค่อนข้างมากและรอบด้านรวม
ถึงพันธมิตรกับรัฐบาลที่ประเทศนั้นๆ ค่าย CHERY มีการกระจายความเสี่ยงที่ครอบคลุมและเข้าถึงลึกกว่าค่าย
Series โดยค่ายเชอรี่นั้นมีความสามารถส่งออกเก่งร่วมมือกับรับนักศึกษาอังกฤษและมีรัฐบาลคอยหมุนเงิน
ทุนรวมถึงสนับสนุนทางด้านต่างๆพร้อมกับมีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี AI มายาวนาน โดยส่ง
ออกตลาดตะวันออกกลางและละตินอเมริกาCHERY มีแบรนด์ลูกคือ : EXEED, JEACOO , iCAR
โอกาสล้ม = ต่ำถึงปานกลาง / ขึ้นอยู่กับความสามารถบุกตลาดโลก
เพราะแข็งแรงทั้งทุน เทคโนโลยี และการขยายตัวทั่วโลก
4.ค่าย BYD (Build Your Dreams) ค่าย Byd เรียกได้ว่าเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ที่วางเกมและเดนมาร์กได้ดีและ
มีการวางแผนมายาวนานทำให้เข้าใจกลุ่มตลาดลูกค้าในแต่ละกลุ่มและแต่ละภูมิภาคแต่ละสภาพอากาศทำ
ให้
มีความเข้าใจทางด้านการตั้งราคาให้ถูกต้องเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความสามารถและเอื้อมถึงรถยนต์
คันนี้ได้ซึ่งค่าย Byd นั้นสามารถแยกรุ่นย่อยเพื่อให้เข้าถึงทางด้านราคาและหลากหลายเหมือนกับค่ายระดับ
โลกอย่าง Toyota และ Isuzu ที่มีการแยกย่อยรุ่นแต่ละรุ่นซอยออกเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้เรียกได้ว่าค่าย Byd มี market share ของรถไฟฟ้า EV ส่วนใหญ่ค่อนข้างมากนะครับและมีมากที่สุดใน
บ้านของตัวเองคือประเทศจีนที่เป็นเบอร์ 1 ของโลกไปแล้วส่วนในระดับโลกเป็น Toyota ที่ครองเบอร์ 1 ยอด
ขายรถยนต์มากที่สุดในโลก จำนวนยอดขาย 7,011,000 คันส่วนBYDติด Top 5 อันดับ 5 อยู่ที่ 2,941,000 คัน
BYD ยังมีการวางแผนเกี่ยวกับการเดินสายการผลิตที่ประเทศที่ไปทำการเปิดขายรถยนต์ ณ ประเทศนั้นๆ
โดยมีการสร้างโรงงานณประเทศนั้นเพื่อผลิต: มอเตอร์แบตเตอรี่ชิพแบบเดินสายการผลิตครบวงจรและมีการ
สนับสนุนจากรัฐบาลแต่ละประเทศที่ได้เข้าไปทำธุรกิจอีกด้วยอาทิเช่น อเมริกาใต้อาเซียนและยุโรปรวมถึงไทย
อีกด้วย.
Li Yunfei (หลี่หยุนเฟย)ออกมาเผยข้อมูลความจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัท เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568
และทรัพย์สินทางการดำเนินงานรวมถึงสภาพคล่องและหนี้สินของค่าย Byd
รวมถึงให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเปรียบเทียบกับบริษัท Evergrande
โดยมีความมั่นใจถึงความมั่นคงแข็งแกร่งทางด้านการเงินและทรัพย์สินของผู้ผลิตรถยนต์จีนเมื่อเทียบกับยุโรป
ต่างชาติ
ภาพโดยรวมแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศจีนผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศครองส่วนแบ่งทางการตลาด
มากกว่า 60% โดยมีสัดส่วนการทำตลาดเครื่องยนต์พลังงานใหม่ NGV มากกว่า 52%
สถานะของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนวันยังคงมี ส่วนแบ่งตลาดในประเทศ ผู้ผลิตรถยนต์จีนครองส่วนแบ่งตลาด
มากกว่า ซึ่งภาพโดยรวมระดับโลกผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกติดต่อกัน 2
ปีแล้วและอาจจะรวมถึงปีที่ 3 ด้วยซึ่งนักลงทุนหุ้นก็อาจจะกำลังเล็งซื้อหุ้นยานยนต์จีนภายในอนาคตจำนวน
ไม่น้อยเลยทีเดียว
BYD ยังได้ประกาศแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าให้ยอดขายครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างทั้งนี้
BYD ยังได้ว่างแผนจากการมีส่วนแบ่ง Market Share ทางการตลาดให้ได้ครึ่งนึงภายในปี 2030 ในแดนยุโรป
อีกด้วย
Li Yunfei (หลี่หยุนเฟย)ได้เปิดข้อมูลส่วนตัวของบริษัทเกี่ยวกับรายได้และกำไรของทางค่าย BYD ว่ามีเงินสด
สำรอง 154.9 พันล้านเหรียญมีกำไรสุทธิ 40.3 พันล้านหยวนและมีรายได้รวม 777.1 พันล้านหยวน มีการจ่าย
ภาษีภายในประเทศ 51 พันล้านหยวนและมีการลงทุนที่กำลังขับเคลื่อนในปัจจุบันกับฝ่าย R&D 54.2 พันล้าน
หยวน.
โดย . Li Yunfei (หลี่หยุนเฟย)กล่าวว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ของ BYD อยู่ที่ 70% ซึ่งมีน้อยกว่าบริษัท
GM General Motor อยู่ 76% ได้น้อยกว่าค่ายยักษ์ใหญ่ระดับโลกยังฟอร์ดอยู่ 84% ส่วนตัวแล้วคาดการณ์ว่า
หนี้สินอาจจะมีน้อยกว่ามากค่ายเบอร์หนึ่งของโลกอย่างเช่น Toyota อีกด้วยนะครับทุกท่าน.
Li Yunfei (หลี่หยุนเฟย)ได้เผยว่าบริษัท BYD นั้นมีหนี้สินที่สามารถทำกำไรให้กับดอกเบี้ยอยู่ 28.6 พันล้าน
หยวนซึ่งมีอัตราน้อยกว่าVolkswagen 1ล้านๆหยวน และอัตราน้อยกว่าค่ายระดับโลกประเทศญี่ปุ่นอย่าง
Toyota อยู่ 1.8 ล้านๆหยวน อย่างมาก
Li Yunfei (หลี่หยุนเฟย)ยังได้อยู่รายงานข้อมูลกับหน่วยงาน Mit และหน่วยงานระดับชาติจะดำเนินการทาง
กฎหมายเกี่ยวกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือที่เป็นอันตรายกับทางบริษัทอย่างถึงที่สุด
คุณWei Jianjun CEO ประธานGWM Great Wall Motor ได้เผยความกังวลเกี่ยวกับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเดียว
กันว่าควรที่จะให้ความสำคัญทางด้านราคาและกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มที่ชัดเจนเกี่ยวกับทางด้านราคาหากยังมี
สงครามราคาภายในอุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของผู้ผลิตในแต่ละบริษัทแต่ละค่าย
ยานยนต์ก็เป็นได้ โดยเปรียบเทียบสถานการณ์กับวิกฤตของ Evergrande.
ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ MIIT ได้ออกประกาศและแถลงการณ์ว่าเราควรที่จะให้
ความสำคัญทางด้านราคาและเรียกร้องให้ค่ารถยนต์แต่ละค่ายหยุดกันทำสงครามราคาเขาจะส่งผลเสียกับ
อุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์.เมื่อบ่ายวันที่ 31 พฤษภาคม 2568
โดยโครงการของรัฐMIIT กระทรวงประกาศเตือนว่าไม่มีผู้ชนะในสงครามราคาและยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสวย
งามในอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์อีกต่อไปเลย
MITT กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเผย
จากควบคุมสงครามราคาที่แข่งขันการลดราคาที่รุนแรงเกินไปว่าควรที่จะให้แต่ละค่ายรถยนต์นั้นจับมือกับหน่วย
งานรัฐปรึกษาหารือหาแนวทางการแก้ไขต่อไป กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนกำลังหา
แนวทางการแก้ปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานกฎหมายเพื่อเตรียมออกกฎระเบียบควบคุมและ
รักษาเสถียรภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อไม่ให้สินค้าที่มีคุณภาพดูราคาถูก ยังไม่สมเหตุสมผล
MITT กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเผยว่าการเข้ามาควบคุมสงครามราคาของตลาดรถยนต์
ไฟฟ้า EV ครั้งนี้เพื่อส่งผลดีต่อผู้ผลิตยานยนต์ทุกค่ายและป้องกันความเสียหายทั้งผู้ผลิตและ Supply change
รวมถึงรัฐเองด้วย
การลดราคาของรถยนต์ 1 ครั้งจะทำให้เกิดการลดราคาผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่นแบบครบวงจรทุกค่ายแน่นอน ส่ง
ผลทำให้ค่ายอื่นต้องทำตาม
ผลกระทบระยะยาวเราจะไม่มีรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีที่ดีและแข็งแรงปลอดภัยขับขี่ในอนาคตอย่างแน่นอน 100%
รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดจะค่อนข้างเป็นไปได้ยากในอนาคตทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเป็น 2 เท่าและสิ่ง
แวดล้อมโลกไม่เจริญเติบโตอาจจะส่งผลดีระยะสั้นกับผู้บริโภคแต่อาจจะส่งผลร้ายต่อผู้ผลิตยานยนต์ระยะยาว
นะครับทุกท่าน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น