TRUMP ไม่ไหวผ่อนปรนภาษีสหรัฐเหลือ10% เริ่ม20/4/2025นี้
ไม่ใช่แค่สงครามภาษี
แต่นี่อาจเป็นการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก
สถานการณ์ปัจจุบันของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกในปี 2025 กำลังเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอย
(recession) ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเท่านั้น
แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างและความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจโลกที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงล่มสลายของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก
- สงครามภาษีและการตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ
กับจีน
การประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และภาษี 10% กับประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้ต้นทุนการค้าสูงขึ้นเกือบ 3% ของ GDP สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการลงทุน รวมถึงทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกสะดุด และอาจทำให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลดลงถึง 80% ตามการประเมินขององค์การการค้าโลก (WTO) - ผลกระทบต่อภาคการเงินและธนาคารทั่วโลก
แม้ว่าสงครามภาษีจะไม่โดนภาคธนาคารโดยตรง แต่ความไม่แน่นอนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้หุ้นธนาคารทั่วโลกร่วงหนัก นักลงทุนขาดความมั่นใจในระบบการเงิน เกิดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อและการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเงินได้ - ภาวะหนี้สินสูงและความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ สูงเกิน 100% ของ GDP และดอกเบี้ยจ่ายหนี้สูงกว่าการใช้จ่ายทางทหาร ทำให้ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตลดลง และอาจทำให้บทบาทของ Federal Reserve ในการเป็นผู้ให้สภาพคล่องหลักของโลกลดลง - ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะโลกร้อน และความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว สร้างความท้าทายต่อการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศที่เปราะบาง
แนวโน้มและความเป็นไปได้ในอนาคต
- J.P. Morgan Research ประเมินความน่าจะเป็นที่จะเกิดภาวะถดถอยในปี 2025 สูงถึง 60% โดยแม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง
แต่ผลกระทบจากภาษียังหนักพอที่จะดึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน
และเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
- องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการค้าระหว่างประเทศในปี
2025 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 2.7%
เป็นติดลบ 0.2%
และเตือนว่าสงครามการค้าจะทำให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ
กับจีนหดตัวอย่างรุนแรง
- ความเปราะบางของระบบการเงินโลกและความเสี่ยงที่เกิดจากการแตกแยกของระบบการเงินโลก
(financial fragmentation) อาจทำให้เศรษฐกิจโลกสูญเสียมูลค่าถึง 5% ของ GDP และกระทบหนักต่อประเทศที่ไม่เข้ากับกลุ่มการค้าใหญ่
สรุป
สถานการณ์ในปี 2025 ไม่ใช่แค่สงครามภาษีที่สร้างความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างมหาอำนาจเท่านั้น
แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางและปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่อาจนำไปสู่การล่มสลายหรือวิกฤตครั้งใหญ่ได้
หากไม่มีการประสานงานและมาตรการแก้ไขที่เข้มแข็งและทันท่วงที
ความเสี่ยงของภาวะถดถอยและวิกฤตการเงินในวงกว้างจึงเป็นเรื่องที่โลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น